หลักในการเลือกใช้พันธุ์ปาล์มน้ำมัน
พันธุ์ปาล์มน้ำมันที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ในปัจจุบันแบ่งได้เป็น 3 ชนิด ซึ่งสามารถแยกความแตกต่างของพันธุ์เหล่านี้ โดยพิจารณาความหนากะลาของผลปาล์มเป็นสำคัญ
1. พันธุ์ดูรา (Dura)เป็นพันธุ์ที่มีกะลาหนาประมาณ 2 ถึง 8 มิลลิเมตร มีชั้นเปลือกนอกที่ให้น้ำมัน (Mesocarp) ประมาณ 35 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักผลปาล์ม พันธุ์ดูราเป็นพันธุ์ที่มีกะลาหนามาก ๆ เรียกว่ามาโครคายา (Macrocarya) คือมีกะลาหนาประมาณ 6 ถึง 8 มิลลิเมตร และมักจะพบมากในแถบตะวันออกไกล เช่น พันธุ์เดลีดูรา (Deli Dura) ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตค่อนข้างสูง ปัจจุบันพันธุ์ดูรามักใช้เป็นต้นแม่สำหรับปรับปรุงพันธุ์เพื่อผลิตลูกผสมเป็นการค้า
2. พันธุ์ฟิสิเฟอรา (Pisifera) เป็นพันธุ์ที่มีกะลาบางมาก หรือบางครั้งไม่มีกะลา เมล็ดในและผลมีขนาดเล็ก ช่อดอกตัวเมียมักเป็นหมัน ผลผลิตแต่ละทะลายต่อต้นมีปริมาณต่ำ จึงไม่เหมาะที่จะปลูกเพื่อเป็นการค้าและนิยมใช้พันธุ์ฟิสิเฟอราเป็นต้นพ่อสำหรับผลิตพันธุ์ลูกผสม
3. พันธุ์เทเนอรา (Tenera) เป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์แม่ดูราและพันธุ์พ่อฟิสิเฟอรา เป็นพันธุ์ที่มีกะลาบาง ประมาณ 0.5 ถึง 4 มิลลิเมตร มีปริมาณของ Mesocarp 60 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักผลผลผลิตต่อทะลายสูง ในปัจจุบันจึงนิยมปลูกเป็นการค้า
ตาราง ลักษณะพันธุ์ปาล์มน้ำมัน
ลักษณะ | ดูรา | เทเนอรา | ฟิสิเฟอรา |
1. ความหนากะลา (มิลลิเมตร) | 2-8 | 0.5-4 | บางมาก |
2. เส้นใยรอบกะลา | ไม่มี | มี | มี |
3. ผล/ทะลาย (%) | 60 | 60 | มักเป็นหมัน |
4. เปลือกนอก/ผล (%) | 60-65 | 60-90 | 92-97 |
5. กะลา/ผล (%) | 25-30 | 8-15 | บางมาก |
6. เนื้อใน/ผล (%) | 4-20 | 3-28 | 3-8 |
7. น้ำมัน/เปลือกนอก (%) | 50 | 50 | 30 |
8. น้ำมัน/ทะลาย | 18-19.5 | 22.5-25.5 | 25-30 |
ที่มา : กรมวิชาการเกษตร
โดยกรมส่งเสริมการเกษตรได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกปาล์มน้ำมันลูกผสมพันธุ์เทเนอรา (D x P) ซึ่งเป็นพันธุ์ลูกผสมชั่วที่ 1 ที่ได้จากการผสมระหว่างพ่อพันธุ์พิสิเฟอรา (Pisifera) และแม่พันธุ์ดูรา (Dura)
https://www.arda.or.th/kasetinfo/south/palm/controller/01-02.php